คิดว่างานราชการดีกว่างานเอกชนจริงหรือ

เช้าวันนี้ผมเองผมได้อ่านข่าวนึง ซึ่งก็พูดได้ดีมากถึงแนวคิดของคนไทยที่พูดว่างานราชการนั่นดีกว่างานโดยทั่วไป แต่เมื่อได้เข้าไปอ่านจึงได้รับรู้ถึงความยากในการรับราชการแล้ว ถามว่าโดนใจอยากรับราชการหรือมั้ยผมเองก็พูดได้เต็มปากเลยครับว่าก็อยากรับราชการเหมือนผู้อ่านทุกท่านเช่นกัน ด้วยเรื่องของสวัสดิการที่เบิกได้ตลอดจนพ่อแม่และครอบครัว ดียิ่งกว่าที่ได้รับทั้งเงินบำนาญอีกดีเวอร์มาก แต่เมื่อเราต้องมาเปรียบเทียบกับระยะเวลาที่จะต้อรอเรียกเข้ารับราชการก็แทบจะต้องรอกันมากถึง 5 – 7 ปีเลยก็ว่าได้ ในบางรายที่ลำดับการเรียกของคุณมีจำนวนเป็นหลักร้อย แทบจะต้องทำใจกันไปเลยก็ว่าได้ เหมือนเคสของเพื่อนพ่อผมท่านได้บรรจุเอาตอนช่วงอายุ 50 ปีพอดีเลย ซึ่งขอบอกว่าอีก 5 ปีท่านก็ต้องทำการออกตามอายุราชการแล้วนั่นเอง ซึ่งกว่าจะได้บรรจุต้องบุกน้ำลุยไฟ ผ่านร้อนหนาวกันมานับมิท้วนเลยก็ว่าได้ผมเองได้ฟัง ก็คิดตามกันเลยทีเดียวว่าหากเราไม่พร้อมจริง หรือจำเป็นจะต้องใช้เงินก็คงไม่สามารถที่จะมานั่งรอเรียกรับราชการได้อย่างแน่นอน แต่หากเรานึกย้อนในมุมกลับกันการที่รับราชการหากเราไม่ทำผิดวินัยร้ายแรงประการใด ก็อยุ่ยาวเลยจ้า ไม่ต้องมานั่งกลัวเรื่องการลอยแพจากนายจ้างบ้าง หรือปัญหาทางด้านเศษฐกิจบ้าง ไหนจะเรื่องของการเมืองเข้ามารวมด้วยอีกแทบจะต้องคิดการให้ไกลออกไปอีกเลยก็ว่าได้ คือจะต้องคิดแล้วคิดเยอะ ๆ คิดนาน ๆ กันเลยครับ เรื่องงานราชการ มาว่ากันต่อเรื่องของสวัสดิการกันบ้าง ปกติการได้สิทธิของการรักษาพยาบาลฟรีมันก็จะเป็นเรื่องที่ดี แต่หากเราลองมองดูให้ลึกเข้าไปถามว่าแล้วเรื่องของการดูแล ละผมบอกเลยว่าก็ไม่ดีเทียบเท่ากับสถานพยาบาลเอกชนเป็นอย่างแน่นอนก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแพทย์ที่มาดูแลรักษา ตัวยาที่นำมาให้บริการ รวมถึงอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จะพูในแง่ลบด้านเดี่ยวก็ไม่ได้ถามว่าสิทธิการดูแลพื้นฐาน ณ ปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาการรักษามากขึ้นช้วยให้ผู้มีรายได้น้อยชาวเราได้ลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องเหล่านี้ไปได้มากเลยทีเดียว ดีกว่าจะต้องจ่ายเงินเองเป็นแน่ เพราะในบางโรคอาจจะต้องใช้ตัวยาที่มีราคาค่อนข้างสูงกว่าตัวยาสามัญปกติ ซึ่งแทบไม่ต้องถามราคาเป็ฯหมื่นบาทก็น่าจะถึงเป็นไปได้ หรืออีกในหนึ่งพูดถึงสิทธิของการเข้ารับการผ่าตัดไม่ว่าจะคลอดบุตรก็ดี หรือผ่าตัดใหญ่ อาทิเช่น ผ่าตัดไส้ติ่ง ปัจจุบันก็ได้รับการบรรจุลงในสิทธิการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานแล้วนั่นเองครับ